ส่วนประกอบต่างๆของโทน รำมะนา
โทน
๑. หน้าโทน
๒. สายโยงเร่งเสียง
๓. หุ่นโทน
รำมะนา
๑. หน้ารำมะนา
๒. หมุด
๓. หุ่นรำมะนา
วิธีการบรรเลง
วิธีการจับโทน รำมะนา
การบรรเลง โทน และ รำมะนา นั้นแต่เดิมใช้ผู้บรรเลง ๒ คน บรรเลงร่วมกันโดยตีโทนคนหนึ่งและตีรำมะนาคนหนึ่ง ต่อมานิยมบรรเลงคนเดียวโดยนำโทนและรำมะนาวางไว้บนตัก ใช้มือข้างขวาตีโทน และข้างซ้ายตีรำมะนา สาเหตุที่ใช้คนตีคนเดียวอาจจะเป็นเพราะว่า มีควาวสะดวกคล่องตัวกว่าการบรรเลงร่วมกันสองคน เพราะรูปร่างของโทนและรำมะนานั้นไม่ใหญ่โตเหมือนกลองแขก จึงสามารถบรรเลงคนเดียวได้
เสียงที่เกิดจากการตีโทนมี ๒ พยางค์ คือ จ๋ง และ ทั่ม การตีโทนให้ได้เสียง “จ๋ง” ใช้บริเวณปลายนิ้วตีหรือดีดลงไปบริเวณผืนหนังตรงขอบโทนอย่างแรงและเร็ว พร้อมกับยกนิ้วขึ้นจะเกิดเป็นเสียง “ จ๋ง” การตีโทนให้ได้เสียง “ทั่ม “ใช้ฝ่ามือที่นิ้วเรียงชิดติดกันตีเฉียงๆลงไปตรงกลางผืนหนังหน้าโทนเกือบเต็มฝ่ามือแล้วรีบยกมือขึ้นจะเกิดเสียง “ทั่ม”
เสียงที่เกิดจากการตีรำมะนามี ๒ พยางค์ คือ ติง และ โจ๊ะ การตีรำมะนาให้ได้เสียง “ติง” ใช้บริเวณปลายนิ้วตีหรือดีดลงไปบริเวณผืนหนังตรงขอบรำมะนาอย่างแรงและเร็ว พร้อมกับยกนิ้วขึ้นจะเกิดเป็นเสียง “ติง” การตีรำมะนาให้ได้เสียง “โจ๊ะ” ใช้บริเวณปลายนิ้วตีหรือดีดลงไปบริเวณผืนหนังตรงกลางผืนหนังหน้ารำมะนาอย่างแรงและเร็ว พร้อมกับกดนิ้วค้างจะเกิดเป็นเสียง “โจ๊ะ”
เสียงที่เกิดจากการตีโทนมี 2 พยางค์ คือ จ๋ง และ ทั่ม
เสียงที่เกิดจากการตีรำมะนามี 2 พยางค์ คือ ติง และ โจ๊ะ
การตีโทนให้ได้เสียงที่เรียกว่า “จ๋ง”
ใช้บริเวณปลายนิ้วตีหรือดีดลงไปบริเวณผืนหนังตรงขอบโทนอย่างแรงและเร็ว พร้อมกับยกนิ้วขึ้นจะเกิดเป็นเสียง “จ๋ง”
รูปแบบการเขียนหน้าทับเพลงไทย
You must be logged in to post a comment.